“เอมี่”หลับในซิ่งรถชนท้าย”ซี”รับสุดห่วง

 

 

 

”ซี-ศิวัฒน์” สุดห่วงหวานใจ ”เอมี่” โหมงานหนักหลับในขับรถชนท้าย ลั่นต่อไปต้องจ้างคนขับรถเพื่อความปลอดภัยไม่กลัวสิ้นเปลือง หวั่นเกิดอันตรายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

 

มีเรื่องให้หวาดเสียวกับคนวงการบันเทิงอีกครั้งเมื่อวันก่อนหวานใจของหนุ่มมาดเข้ม ”ซี” ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ อย่างนางเอกสาว ”เอมี่” เอมิกา กลิ่นประทุม เกิดง่วงหลับในจนทำให้รถชนกระแทกกับคันข้างหน้า ซึ่งว่ากันว่าสาวเอมี่ตกใจ

 

อย่างมากเลยทีเดียว
 

ล่าสุดเจอตัวแฟนหนุ่มอย่างนายซี ในงานบวงสรวงละครเรื่องดุจตะวันดั่งภูผา ที่ซอยกรุงเทพฯ-นนท์ เมื่อเช้าวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา หนุ่มซีก็ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เอมี่ ขับรถชนจริง แต่ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงนอกจาก

 

อาการตกใจ เหตุเพราะแฟนสาวนั้นหลับในเนื่องจากเหนื่อยจากการถ่ายละครที่ต่อเนื่องทำให้พักผ่อนน้อย เป็นห่วงหนักลั่นจ้างคนขับเพราะเป็นห่วงแฟนสาวจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
 

”รถชนนิดหน่อยก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็ขับชนแถวๆ บ้านผมแถวรามคำแหง ไม่ได้มีอันตรายอะไรมากมาย แต่ว่าก็เสียดายรถ เค้าก็ตกใจนิดหน่อย ไม่น่าจะหนักมาก เพราะมันเป็นช่วงที่แบบว่ารถติดแล้วเค้าคงง่วง แล้วก็เลยไปชนกระแทกกับ

 

คันข้างหน้า เหมือนหลับใน แต่ก็ไม่เป็นไรนะ กระแทกนิดหน่อย แต่เดี๋ยวผมก็ต้องไปดูเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง ก็ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลครับ คือเค้าทำงานต่อเนื่องมาหลายวันแล้วครับ คือเอมี่เค้าไม่ได้หยุดเลยเค้าก็มีละครเยอะ แล้วก็เป็นดีเจด้วย เค้า

ก็ตกใจมากร้องไห้ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ก็เตือนเค้านะครับ เค้าไม่มีคนขับรถส่วนตัว

 

อย่างผมเองผมก็จ้างเฉพาะกิจนะครับ เพราะว่าผมไม่ได้ซื้อรถตู้ เราสองคนเป็นคนที่ชอบขับรถเองเหมือนกัน ผมไม่ชอบให้ใครมาขับรถให้ แต่ผมจะเป็นคนที่ไม่ฝืนไง ผมเอาสบายยอมจ่ายตังค์ไม่ได้คิดว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่เค้าจะเป็น

 

แบบว่ากลัวว่ามันไม่คุ้มก็จะเป็นแบบขับเองดีกว่าเค้าจะชอบพูดแบบนี้ ผมก็พูดกะเค้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะว่าต่อไปผมจะไม่ถามเค้าผมจะจ้างล่ะ เค้าก็โอเค เพราะถ้าสมมติว่าเราถามเค้าก็จะบอกว่าไม่เอา ผมสั่งมาเลยจ่ายตังค์ไปแล้วล่ะ ผมแค่มี

ความรู้สึกว่านี่คือโชคดีนะที่แบบไม่เป็นอะไร ถ้าออกต่างจังหวัดล่ะ แล้วง่วงนอนขับกลับมาตอนกลางคืนอย่างนี้แล้วขับเร็วเพื่ออยากให้ถึงบ้านเร็วๆ คิดแต่ว่าอีกนิดเดียวๆ แต่มันก็นะอีกนิดเดียวก็จะตกถนนแล้วเหมือนกัน  ผมก็เป็นห่วงเค้า”

หนุ่มซี กล่าว

โดนงัดร้านหน4″ปุ้ย”จุกพูดไม่ออก

 

 

 

โจรงัดร้าน ”ปุ้ย-พิมลวรรณ” พิธีกรผู้หญิงถึงผู้หญิง รอบที่ 4 ! ได้เงินไปแค่ 20 บาท พิธีกรสาวโอดจุกจนพูดไม่ออก ปรึกษาสามีย้ายร้านหนีโจร บอกไม่ไหวแล้ว หวั่นไม่ปลอดภัย 

 

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 54 เวลาประมาณ 08.00 น. พ.ต.ท.ภิเษก บุญจันทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ที่อาคารเลขที่ 99/2-4 ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม จึงรุดตรวจสอบพร้อมเจ้า

 

หน้าที่ฝ่ายสืบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง พบว่าคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์อาคารทั้งหมด 3 หลัง โดยอาคารเลขที่ 99/2 ซึ่งเปิดเป็นบริษัท ชัช นักเก็ต จำกัด ของ ”ปุ้ย” พิมล

วรรณ หุ่นทองคำ พิธีกรชื่อดังรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง พบ นายชัชพงษ์ หุ่นทองคำ สามีของพิธีกรสาว ยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าที่เซ็งสุดชีวิต ก่อนพาเจ้าหน้าที่เดินตรวจสอบในบ้าน พบว่าบริเวณหน้าต่างชั้น 2 มีรอยเท้าคาดว่าเป็นของคน

ร้ายปีนเข้ามา ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไป ได้แก่ โมเดลทหาร 2 ชุด กระเป๋าเป้ทหาร 1 ใบ และเงินเหรียญจำนวน 20 บาท นับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ในบ้าน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 54 เป็นครั้งที่ 3 ที่ถูกคนร้ายเข้ามา

ขโมยคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่งไป แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้
 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พ.ต.ท.ภิเษก เปิดเผยว่า คนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูง สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีน ใส่หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า โดยคาดว่าคนร้ายบุกเข้าอาคารเลขที่ 99/4 ซึ่งเปิดเป็นบริษัทนำเข้าอาหารสัตว์เป็น

 

หลังแรก โดยปีนเข้าทางหน้าต่างบานเกล็ดของห้องน้ำทางชั้นลอย แต่ไม่ได้ทรัพย์สินใดๆ ไป และปีนต่อเข้ามาที่อาคารเลขที่ 99/3 เป็นบริษัทนำเข้ายาสมุนไพรของ นายภาค ภัทรพงศ์ อายุ 65 ปี ดารารุ่นเก่า คนร้ายได้โทรทัศน์ขนาด 25 นิ้ว พระ

เครื่อง 10 องค์ มูลค่า 1 แสนบาทไป จากนั้นปีนต่อเข้ามาที่อาคารเลขที่ 99/2 บริษัทของ ”ปุ้ย-พิมลวรรณ” ได้ทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง
 

ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.โคกคราม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าคนร้ายเข้ามาก่อเหตุช่วงเวลา 02.50 น. ถึง 03.10 น. โดยมีลักษณะคล้ายกับคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กอง

 

พิสูจน์หลักฐานพบว่าอาคารหลังแรกที่คนร้ายเข้าไป มีร่องรอยไม่ตรงกับอาคารที่ 2 และอาคารที่ 3 จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมี 2 คน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังติดตามคนร้ายโดยไม่ได้พักผ่อน แต่ครั้งนี้ต้องจับให้ได้ เพื่อ

สร้างความมั่นใจให้ประชาชน เพราะคนร้ายกล้าขนาดนี้ต้องจับให้ได้เร็วที่สุด
 

”ปุ้ย-พิมลวรรณ” เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า ตอนทราบข่าวถึงกับจุก จนพูดไม่ออก รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย ทั้งๆ ที่ดูแลอย่างเต็มที่ ทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำทุกอย่างแล้ว ที่สำคัญช่วงเวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ยังมาตรวจที่บ้าน

 

แต่คนร้ายก็เข้าทางด้านหลังได้ เรื่องนี้ตนเห็นใจทุกฝ่าย หลังจากปรึกษากับสามีแล้วคิดว่าจะย้ายออกไป อย่างไรก็ตามหากไปหาที่อยู่ใหม่ก็ไม่ได้รับรองว่าจะปลอดภัย อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชนทั่วไป ให้ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด

ยอมรับว่าตอนนี้ตนขวัญเสีย กำลังใจไม่ดีและก็กลัวมาก

งงลือรับเล่นละครวิก3″จุ๋ย”ล้มหัวฟาดพื้นเพราะโหมงานปัดไดเอต

 

 

 

ระทึกนางเอกสาวผิวเข้มวิกหมอชิต ”จุ๋ย-วรัทยา” ล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติในห้องน้ำสปา เหตุเพราะพักผ่อนน้อย ปัดโหมทานยาลดน้ำหนักจนวืดตามข่าวลือ ยันไม่ทราบถูกซื้อสัญญาที่เหลือจากกันตนา จ่อลงละครทางช่อง 3 แจงเป็น เรื่องของผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน 

ตกใจแทบจะเป็นลมตามไปด้วยเมื่อจู่ๆ มีข่าวว่านางเอกสาวผิวเข้มแห่งวิกหมอชิต ”จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา เป็นลมล้มหัวฟาดพื้นจนสลบคาห้องน้ำสปาแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังคงเป็นกระแสข่าวลือหนาหูอยู่ไม่สร่างซาว่านางเอกสาวผิวเข้มนั้น

 

เตรียมโผโยกค่ายย้ายบ้านไปซบวิก 3  เพราะยังคงมีกระแสข่าวหนาหูว่าผู้ใหญ่ทางวิกพระราม 4 นั้น ได้เตรียมละครเรื่อง ”แหม่มแก้มแดง” ของผู้จัดมากฝีมือ ”ดาว” พอฤทัย ณรงค์เดช เป็นของขวัญรับสมาชิกใหม่อย่างสาวจุ๋ยแล้ว แถมยัง

เม้าท์กันให้แซดว่าสาวจุ๋ยเองก็ตกปากรับคำตอบตกลงปลงใจยอมเล่นให้แล้วซะด้วย
 

ล่าสุดเจอตัวนางเอกสาวในงานแพรว บิวตี้ ป๊อป อัพ อินฟลูเอนเซอร์ เมื่อที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งในงานนี้นางเอกสาวก็ได้มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์สุดอลังการ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวเห็นสาวจุ๋ย

 

มาร่วมงานจึงได้สอบถามถึงเรื่องที่เป็นลมหมดสติจนกระทั่งหัวฟาดพื้นในห้องน้ำนั้นเป็นมาอย่างไร ซึ่งสาวจุ๋ยเองก็ได้แจงถึงสาเหตุให้ฟังว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย และไม่ได้โหมกินยาลดน้ำหนักอย่างที่เป็นข่าว
 

”จุ๋ยล้มหัวฟาดพื้น สลบไปแป๊บนึงค่ะ แล้วลงแรงเหมือนกันโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ว่าส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อมันบวมขึ้น คุณหมอก็ห้ามขับรถประมาณ 5-6 วันค่ะ เพราะว่าคนที่เป็นแบบนี้จะอันตรายเวลาขับรถโดนรถชนมาหลายรายแล้ว

 

มันจะงงๆ มือสั่น ขับรถไม่ได้ พอดีวันนั้นเป็นวันที่พี่คนขับรถหยุด จุ๋ยเลยต้องไปเองค่ะ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าจุ๋ยทานข้าวน้อย พักผ่อนน้อย เป็นช่วงที่อ่อนเพลียพอดีและมาอยู่ในอากาศร้อนๆ ก็เลยวูบได้ ไดเอตหรือเปล่า ไม่ได้ไดเอต แต่

วันนั้นไม่อยากทานอาหาร กินแค่ข้าวกับผัดผักบุ้งเลยหมดแรงค่ะ”
 

ต่อคำถามถึงเรื่องการย้ายบ้านซบอกวิก 3 คู่แข่งนั้นนางเอกสาวยังคงเคารพช่อง 7 อยู่เหมือนเดิม พร้อมทั้งยังมีสัญญากับทางค่ายกันตนาอยู่อีก 2 ปี แจงยังไม่รับทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ลั่นไม่มีการซื้อขายสัญญาที่เหลือทั้งนั้น
 

 

”ต้องบอกด้วยความเคารพพี่ๆ เลยค่ะ จุ๋ยยังไม่ทราบอะไรเลยค่ะ ไม่สามารถจะตอบได้ ตอนนี้สัญญายังอยู่กับกันตนา ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้โกหกค่ะ จุ๋ยคงไปเล่นให้ทางช่อง 3 ไม่ได้ค่ะ ยังไม่มีการซื้อขายสัญญาอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เหลือ

 

สัญญากับกันตนา 2 ปี ถามว่าได้คุยกับผู้ใหญ่มั้ย ก็คุยในเรื่องของเนื้อข่าวมากกว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้ จุ๋ยยังรักและเคารพช่องใน 7 ถึงแม้ช่อง 3 ไม่เคยไปทำงานด้วย แต่จุ๋ยรู้สึกว่าเป็นที่ที่เราต้องเคารพเขาเหมือนกัน ดังนั้น

มันเซนซิทีฟมาก เพราะว่าจุ๋ยยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ”
 

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าโดยส่วนตัวแล้วนางเอกสาวรู้จักกับ ”ดาว-พอฤทัย” หรือไม่ และอนาคตเป็นไปได้ไหมที่จะเห็นผลงานของนางเอกสาวผ่านทางช่อง 3 ซึ่งสาวจุ๋ยก็เล่าให้ฟังว่ารู้จักจริง เพราะเจอตามงานและในอนาคตอาจเป็นไปได้ที่

 

สาวจุ๋ยอาจจะมีผลงานทางช่อง 3 แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด
 

”รู้จักค่ะ เคยเจอกันตามงานแพรว มีการพูดคุยกัน คุยกันในเรื่องอื่นๆ ตอนนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่คุยกัน จุ๋ยไม่รู้เรื่องและไม่สามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้ค่ะ แก่ๆ จุ๋ยอาจจะไปก็ได้ค่ะ อาจจะเป็นการย้ายไปเล่นละครที่รับบทแตกต่างออกไป

 

แต่ตอนนี้ไม่รู้อะไรเลยค่ะ”
 

ต่อคำถามที่ว่าเป็นไปได้ไหมที่ถึงแม้จะมีสัญญากับทางกันตนาแต่ก็สามารถรับงานของทางช่อง 3 ได้ เช่นเดียวกับ ”เอ๋” พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ ซึ่งทางนางเอกสาวก็แจงว่าอาจจะเป็นคนละกรณีที่ไม่เหมือนกัน และตนเองก็ไม่มีอำนาจตรงนี้
 

 

”อาจจะไม่เหมือนกันค่ะ จุ๋ยอยากบอกว่าพี่ตุ๊กตาว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมากค่ะ เปิดโอกาสให้จุ๋ยได้ทำงานหลายทาง แต่สำหรับเรื่องละคร เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ซึ่งจุ๋ยไม่ได้มีอำนาจในตรงนี้ค่ะ”
 

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าตอนนี้สาวจุ๋ยยังมีละครกับทางช่อง 7 อยู่หรือไม่ เพราะเหมือนคนสังเกตว่าจุ๋ยห่างหายไปจากละครช่อง 7 ซึ่งจุ๋ยก็แจงว่าอาจเป็นเพราะกระแสและความคาดหวังของแฟนละคร แต่ยอมรับว่าทางช่อง 7 ก็เคยติดต่อให้

 

รับละคร
 

”ก่อนหน้านี้มีติดต่อมาค่ะ อาจด้วยจุ๋ยยังเหนื่อยอยู่ เลยบอกไปว่าขอคิดดูก่อนค่ะ แต่นานแล้วนะ อาจจะเป็นกระแสหรือหลายคนหวังไว้ แต่ตัวจุ๋ยเองยังไม่รู้รายละเอียดมากค่ะ จุ๋ยเลยไม่สามารถตอบอะไรได้มากค่ะ” นางเอกสาวกล่าว

“แด๊ก บิ๊กแอส” โล่ง!ศาลยกฟ้องไม่ผิดข้อหาพรากผู้เยาว์”น้องฝ้าย”

 

 

 

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 54 เวลาประมาณ 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2193/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์ และ น.ส.สุวรรณี ไชยมงคล หรือ น้องฝ้าย อดีตนางแบบนิตยสารฟอร์เมน โจทก์ร่วม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนักร้องนำชื่อดังวงร็อก ”บิ๊กแอส” สังกัดค่ายแกรมมี่ ”แด๊ก” เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด เป็นจำเลย ในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดา มารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย 

 

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยรู้จักกับ น้องฝ้าย ผู้เสียหาย ขณะนั้นอายุประมาณ 15 ปีเศษ เมื่อปี 2546 และมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้ง จนกระทั่ง น้องฝ้าย ได้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย

 

แต่ผลการตรวจดีเอ็นเอรวม 2 ครั้ง ยืนยันชัดว่าจำเลยไม่ใช่บิดาบุตรชายของน้องฝ้าย คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าแล้วจำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์หรือไม่ โดยเห็นว่า จำเลยรู้จักโจทก์ที่ร้านอาหารซันไชน์ ถนนเกษตร-นวมินทร์

โดย น้องฝ้าย อ้างว่าเป็นนางแบบนิตยสารฟอร์เมน และมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน และมีการโทรศัพท์มาหาจำเลยให้ซื้อนิตยสารมาดู ซึ่งนิตยสารดังกล่าวมีรูปภาพของ น้องฝ้าย และข้อความระบุว่า ”ชื่อฝ้ายค่ะ เล่นเจ็ตสกีมา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่

อายุ 17 ปี”
 

ส่วนการนำสืบพยานปากอื่นเบิกความไปในทำนองเดียวกันว่า น้องฝ้าย มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าหากจะเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยมีความสูงถึง 170 เซนติเมตร ส่วนสัด 36-26-35 ประกอบกับ น้องฝ้าย ยังเบิกความยอมรับว่าไม่

 

เคยบอกอายุให้จำเลยทราบ จนกระทั่ง น้องฝ้าย ตั้งครรภ์ จึงส่งข้อความมาบอกอายุเพื่อให้จำเลยรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะให้มารดาเอาเรื่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่า น.ส.ฝ้าย มี

อายุไม่ถึง 18 ปี ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 บัญญัติว่า หากผู้กระทำสำคัญผิดในข้อเท็จจริงผู้กระทำนั้นย่อมไม่มีความผิด หรือได้รับยกเว้นโทษ ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ม.319 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้น

พิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
 

อย่างไรก็ตาม แด๊ก บิ๊กแอส เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและโล่งใจที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะทำให้ประวัติของตนเคลียร์ ไม่มีความผิดติดตัวอีกต่อไป ส่วนเรื่องงานเพลงกำลังหาแรงบันดาลใจในการทำผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกัน

 

ต่อไป

หมดเกือบ10ล.กว่าวิลลี่-เยลหลีจะได้ “น้องวิน”

 

 

 

พระเอกชื่อดัง ”วิลลี่ แมคอินทอช” ควงแขน ”เยลหลี ริชคอเดล” ภรรยา เปิดใจหลังได้ลูกคนแรกเป็นเพศชาย ชื่อว่าน้อง ”วิน (wynn)” ด.ช.ธาดาฤทธิ์ แมคอินทอช แปลว่า ”ลูกเทวดา” สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งคู่เผยสุดดีใจหลัง จากที่รอมา 5 ปี ทำกิฟต์ 23 ครั้ง หมดค่าใช้จ่ายเกือบ 10 ล้านบาท กว่าจะได้ลูกคนนี้มาถือว่าคุ้มค่าสุดๆ และต่อไปอาจจะมีลูกคนที่ก็อยากได้เพศหญิง แต่ต้องรอความพร้อมทางด้านร่างกายก่อน วางอนาคตลูกชายโลดแล่นในวงการบันเทิง 

 

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 24 ส.ค. 2554 ที่ห้องประชุมซีดี ชั้น 12 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 33 สุขุมวิท 3 (ซอยนานาเหนือ) พระเอกลูกครึ่งชื่อดัง ”วิลลี่” เริงฤทธิ์ แมคอินทอช พร้อมด้วย เยลหลี ริชคอเดล ภรรยาสาว

 

ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่ทั้งคู่ได้ลูกคนแรก หลังจากที่พยายามมากว่า 5 ปี และผ่านทำกิฟต์ (ไอวีเอฟ) ถึง 23 ครั้ง เสียค่าใช้จ่ายไปเกือบ 10 ล้านบาท
 

โดยคุณพ่อมือใหม่วิลลี่ เผยว่า ภรรยาเยลหลีได้ทำการคลอด เมื่อเวลา 06.40 น. ของวันที่ 19 ส.ค. 2544 ด้วยวิธีผ่าคลอด ด้วยน้ำหนัก 2,940 กรัม เป็นเพศชาย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ตั้งชื่อว่าน้อง ”วิน (wynn)” ด.ช.ธาดาฤทธิ์

 

แมคอินทอช แปลว่า ”ลูกเทวดา” โดยในวันที่คลอดวิลลี่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคลอด อีกทั้งซื้อกล้องจิ๋วถ่ายลูกชายตอนคลอดตลอดเวลา และยังเห่อลูกคนนี้มากๆ  ก่อนทั้งคู่ต้องหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ และอาจจะมีลูกคนที่สองหากร่างกายทั้งคู่

พร้อม
 

”ตื่นเต้น ดีใจมากๆ ครับ ผมอยู่ในห้องคลอดตลอด หลังจากที่รอมา 5 ปี ทำกิฟต์มา 23 ครั้ง ค่าใช้จ่ายก็หมดไปเกือบๆ 10 ล้าน ถือว่าคุ้มค่าที่ได้เค้ามา เห็นหน้าลูกครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ แต่เห็นผมสีทองเอาล่ะใช่เลย ถือ

 

เป็นลูกชายคนแรกที่มาสืบทอดตระกูลของผม แล้วต่อไปก็อาจจะมีลูกคนที่สอง อยากได้ผู้หญิง แต่รอความพร้อมด้านสุขภาพของผมและภรรยาก่อน และจากนี้คงต้องแก้บนชุดใหญ่กลางแจ้ง เพราะผมบนบานมาหลายที่มากๆ ส่วนเพื่อนๆ

อย่าง “เปิ้ล-นาคร”, เสนาหอย ก็มาดูหลานแล้ว และคาดว่าผมและเยลหลีกับลูกน่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านในคืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ (25 ส.ค. 2554) ข้าวของก็เตรียมไว้ให้ลูกหมดแล้ว โชคดีที่ผมไม่ต้องซื้ออะไรเลยเพราะเพื่อนๆ ได้ซื้อมาให้เป็นของ

ขวัญจนหมดแล้ว (หัวเราะ) การวางอนาคตของเค้าก็ไม่มีอะไรมาก ให้เค้าเป็นคนดี ตั้งใจเรียน และคงต้องทำงานในวงการบันเทิงแน่นอน” วิลลี่ กล่าว
 

ด้านคุณแม่เยลหลีเผยว่า เหมือนฝันเลยทีเดียวที่ได้ลูกคนนี้มา ตื่นเต้นดีใจมากๆ และอยากได้ลูกคนที่สองเป็นผู้หญิง แต่ต้องรอความพร้อมทางด้านร่างกายก่อน
 

 

”เห็นหน้าลูกแล้ว รู้สึกทั้งตกใจ ดีใจ ตื่นเต้น เหมือนฝัน นี่เป็นลูกเราจริงๆ น่ารักมาก ก็พูดกับเค้าประโยคแรกว่าขอบคุณมากๆ หม่ามี้รอมานานมาก ซึ่งลูกคนที่สองก็อยากมีค่ะ อยากได้ลูกสาว คงน่ารักดี แต่คงต้องปรึกษาหมอ และรอให้

 

ร่างกายพร้อมก่อน อย่างต่ำคงต้องรอประมาณ 6 เดือน  ก็ขอบคุณทุกคน และคุณหมอที่เป็นกำลังใจให้เรามาโดยตลอดค่ะ” เยลหลี กล่าวด้วยความดีใจ

 

สำหรับ ”วิลลี่” กับ เยลหลี แต่งงานมานานหลายปี และพยายามมีลูกด้วยกันอย่างเต็มที่มานาน แต่ไม่สามารถมีลูกได้ด้วยวิธีธรรมชาติ จึงต้องพึ่งวิธีทางการแพทย์ด้วยการทำกิฟต์ เนื่องจากเยลหลีมีปัญหาเรื่องไข่ฝ่อ และทั้งคู่มีอายุที่ค่อน

 

ข้างมาก จึงเป็นปัญหาสำหรับการมีบุตร
 

แต่ด้วยความพยายามของทั้งคู่ที่ไม่หยุดยั้ง กระทั่งเมื่อปี 2549 เยลหลีตั้งครรภ์ได้ในที่สุด แถมเป็นลูกแฝดชายหญิงอีกด้วย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทั้งคู่ต้องเสียลูกแฝดเพศหญิงไป และต่อมาไม่นาน มีความจำเป็นต้อง

 

คลอดก่อนกำหนด ทำให้ลูกแฝดเพศชายที่เหลืออีกคนอยู่ในครรภ์อายุเพียง 6 เดือน ต้องเสียชีวิตหลังคลอดเพียงวันเดียว
 

หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งคู่ยังคงมีความหวังและความพยายามอย่างเต็มที่ ยังทดลองใช้วิธีทางการแพทย์และวิธีพึ่งทางจิตใจ รวมทั้งเตรียมให้ญาติอุ้มบุญให้ก่อนสุดท้าย เมื่อ 19 ส.ค. 2554 ได้น้อง ”วิน” ด.ช.ธาดาฤทธิ์ แมคอินทอช มา

 

เป็นลูกอย่างสมดั่งใจในที่สุด

กรี๊ด ”กอล์ฟ” อวดซิกซ์แพ็กแนบแน่น ”แพตตี้”

 

 

จาก Project Co-Creation With Golf Pichaya ชวนมืออาชีพต่างวงการ มาตีความและกำกับเอ็มวีเพลง ”ไอ ค้าน บรีท” โดยก่อนหน้านี้ได้ปล่อยเอ็มวีเวอร์ชั่นแรกของผู้กำกับหนังโฆษณา ”ต้น วุฒิดนัย” ได้กระแสตอบรับที่ดีมากทางช่องยูทูปชาแนลของ ”Golfpichaya” ล่าสุดเตรียมปล่อยเอ็มวีเวอร์ชั่นที่ 2 ผลงานการตีความของช่างภาพแฟชั่นชื่อดังแห่งยุค ”จอร์จ” ธาดา วารีช

การถ่ายทำในเวอร์ชั่นที่ 2 นางเอกยังคงเป็น ”แพทตี้-อังศุมาลิน” เพื่อให้ได้เห็นว่าการตีความที่แตกต่างถึงจะเป็นพระเอก-นางเอกคนเดิม ก็สร้างความแปลกใหม่ได้ ส่วนหนุ่มกอล์ฟในเวอร์ชั่นนี้แฟนๆ รอกรี๊ดสลบกับการโชว์ซิกแพ็กลงเอ็มวีเป็นครั้งแรกชนิดที่ไม่รู้ตัวมาก่อน เพราะผู้กำกับจอร์จสั่งถอดตามฟีลลิ่งโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำเอาหนุ่มกอล์ฟเกิดอาการเคอะเขินสุดๆ จนต้องขอเชิญทีมงานและคนใกล้ชิดออกนอกห้องทั้งหมดเหลือเพียงตากล้องและผู้ช่วยเท่านั้น ”จอร์จ-ธาดา” ตีความเพลงนี้ออกมาว่า กอล์ฟ กับ แพทตี้ รักกันมาก แล้ววันหนึ่งผู้หญิงตายจากไป กอล์ฟต้องเจ็บปวดเหมือนอยู่ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว เหมือน ”ตายทั้งเป็น”
”กอล์ฟ” เล่าให้ฟังว่า ”วันนี้เป็นการถ่ายทำที่อาร์ตมากครับ…อาร์ตแบบอีโมชั่น เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับบ้านเรา สไตล์เอ็มวีของพี่จอร์จจะเป็นการโชว์ความรู้สึกมากกว่ามาเป็นพลอตเรื่อง วิธีการถ่ายทำก็อาร์ตมากครับ(หัวเราะ) ไม่รู้มาก่อนว่าจะวาบหวิวขนาดนี้ครับ  ในเอ็มวีจะถ่ายทอดอารมณ์ของชายหนุ่มที่คนรักตายจากไป แต่ภาพความทรงจำของคนรักยังวนเวียนอยู่รอบตัว ในเอ็มวีจะเห็นภาพกอล์ฟที่เจ็บปวดมากแต่มีแพทตี้ (ในรูปแบบของความทรงจำ) มาทำสวยคลอเคลียตลอดเวลาเป็นอะไรที่ยากสุดๆ แล้วครับ (หัวเราะ)”
ส่วน ”แพทตี้” เล่าถึงการเป็นนางเอกในสองเวอร์ชั่นว่า ”สไตล์ผู้กำกับที่ต่างกัน แม้จะเป็นเพลงๆ เดียวกันผลงานก็สร้างความแตกต่างได้ค่ะ ของพี่ ”จอร์จ-ธาดา” จะเป็นแฟชั่นอาร์ตๆ ในสไตล์เบาๆ แสงสวยๆ ส่วนเวอร์ชั่นแรกของพี่ ”ต้น-วุฒิดนัย” จะเน้นเรื่องการแสดงอารมณ์มากกว่าค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานของแพทตี้ ในเอ็มวีเพลงไอ ค้าน บรีท ของพี่กอล์ฟ ทั้งสองเวอร์ชั่นเลยนะคะ”
จาก Project Co-Creation With Golf Pichaya ของสองผู้กำกับ ”กอล์ฟ-พิชญะ” เลยผุดไอเดีย ประกาศชวนคนรุ่นใหม่ร่วมตีความเพลง I can’t breathe และผลิตมิวสิกวิดีโอเข้ามาประกวดกัน ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ติดตามรายละเอียดและส่งผลงานได้ที่ www.facebook.com/golfmvcontest  ตั้งแต่วันนี้-19 ก.ย.นี้ และติดตามมิวสิกวิดีโอ ”ไอ ค้าน บรีท” ของ ”กอล์ฟ-พิชญะ” ในฉบับ ”ธาดา วารีช” ได้ปลายเดือนสิงหาคมนี้

”ปุ้ย” พิธีกรผู้หญิงฯเซ็งโคตรโดนอีกโจรงัดร้านหน3

 

 

 

”ปุ้ย-พิมลวรรณ” พิธีกรรายการ ”ผู้หญิงถึงผู้หญิง” ช่อง 3 สุดเซ็ง ร้านถูกคนร้ายบุกงัดเป็นหนที่ 3 คราวนี้กล้องวงจรบันทึกภาพไว้ได้ เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตำรวจคาดคนร้ายไม่น่าประสงค์ต่อทรัพย์ มุ่งเน้นทางข้อมูลเอกสารทางการค้า เพราะคอมพิวเตอร์ที่หายไปมีข้อมูลเพียบ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 22 ส.ค. พ.ต.ท.ธีรวุธ พิมพิสัย พงส.(สบ.2) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 99/2 หมู่ 9 ถ.เกษตร-นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ต.จุมพล สินศิริพงษ์ สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น พบว่าเป็นร้านของบริษัท ชัช นักเก็ต จำกัด ของ ”ปุ้ย” พิมลวรรณ หุ่นทองคำ พิธีกรสาวรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงชื่อดัง พบโซ่คล้องประตูถูกตัดวางไว้หน้าร้าน บริเวณประตูถูกงัดกุญแจของประตูมุ้งถูกตัดและถูกเปิดขึ้น ภายในพบร่องรอยรื้อค้น เบื้องต้นพบทรัพย์สินที่ถูกขโมยมี คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 ตัว กระเป๋าเอกสาร 1 ใบ แว่นกันแดด 1 อัน และเสื้อบริษัทขนาดไซส์เอส จำนวน 4 ตัว
สอบสวน นายอโนชา แจ่มจิตร อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่คลังสินค้าของบริษัทให้การว่า เมื่อวานตนเดินทางมาทำงาน ก่อนปิดบริษัทก็ได้เอาประตูมุ้งลง และล็อกกุญแจอย่างดี จนกระทั่งตอนเช้าของวันนี้ ตนเดินทางมาบริษัทเพื่อเอาสายแลนอินเทอร์เน็ตมาติตตั้ง เมื่อมาถึงพบ โซ่คล้องกุญแจประตูวางทิ้งไว้หน้าบริษัทและเห็นประตูมุ้งเปิดอยู่ ส่วนประตูของร้านถูกงัดแงะ ตนจึงรู้ทันทีว่าถูกคนร้ายเข้ามางัดแงะขโมยทรัพย์สินแน่นอน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายมีด้วยกัน 2 คน เป็นชายและหญิง ท่าทางเหมือนจะเป็นแฟนกัน มีการเตรียมตัวมาอย่างดี มีการสวมถุงมือ โดยเข้ามาก่อเหตุตอนช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. เข้าและออกทางประตูด้านหน้า และได้รื้อค้นทรัพย์สินภายในชั้น 1 และชั้น 3 โดยคนร้ายได้เอามือพยายามบิดกล้องวงจรปิดของอาคาร แต่กล้องยังจับภาพได้ อย่างไรก็ตามภาพจากกล้องยังมีความไม่ชัดเจน ต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานปรับภาพให้ชัดก่อน เมื่อภาพมีความชัดดีแล้ว จะแจกให้กับสื่อมวลชนเพื่อช่วยเป็นเบาะแส แต่ตอนนี้ขอยังไม่ให้ เนื่องจากกลัวคนร้ายจะรู้ตัวเสียก่อน
พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวน ตนสันนิษฐานว่าคนร้ายไม่น่าจะประสงค์ต่อทรัพย์ แต่มุ่งเน้นทางข้อมูลเอกสารทางการค้า เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกขโมยเป็นมีข้อมูลทางการค้าของบริษัททั้งหมด
ด้าน ”ปุ้ย-พิมลวรรณ” กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ในบริษัทตนเอง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ครั้งที่สอง เมื่อเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์เงินสด 1,000 กว่าบาท และก็มาถึงครั้งนี้ ซึ่งทางตนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 4 ตัว ภายในบริษัท แต่ไม่ได้ติดตั้งที่ประตูทางเข้า ซึ่งตนก็ยังสงสัยอีกว่าทำไมคนร้ายถึงขโมยเสื้อบริษัทไป 4 ตัว และยังเจาะจงเฉพาะไซส์เอสอีกด้วย ทั้งที่เสื้อมีหลายขนาด

”แพนเค้ก-ปุ๊กลุก-เกรซ” เม้าท์นอกจอกับพิธีกรคันปาก

 

 

 

ช่อง 7 สี ขอเชิญชม ”เม้าท์นอกจอ กับพิธีกรคันปาก” นำโดย ”อ้น” ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์, ”บ๊วย” เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ที่จะมาร่วมเม้าท์อย่างใกล้ชิดกับนักแสดงขวัญใจ ”แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์, ”ปุ๊กลุก” ฝนทิพย์ วัชรตระกูล, ”เกรซ” กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, ”เอก” รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง และ เคลลี่ ธนะพัฒน์ เช้าวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคมนี้ เวลา 07.30 น. ณ บริเวณหน้าศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง หรือติดตามชมกันแบบสดๆ ผ่านหน้าจอ 7 สี ในเวลาเดียวกัน

”เดย์-ซานิ” ถึงไหนถึงกันสู้ทุกอุปสรรค

 

 

 

PTT Blue Innovation นวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง สูตรเฉพาะของ ปตท. ชวนซูเปอร์สตาร์ 6 คน ได้แก่ ดัง พันกร, ลีเดีย, โป๊ป, คริส หอวัง, DJ เดย์ และซานิ มาร่วมถ่ายแฟชั่นเพื่อสร้างภาพลักษณ์และตอกย้ำความมั่นใจในประสิทธิภาพของ PTT Blue Innovation ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ ”Blue Innovation, Blue Inspiration” ที่สะท้อนมุมมองความคิดในการเดินทางของแต่ละคน ที่มีส่วนช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับชีวิต

DJ เดย์-ซานิ : เมื่อมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบลุย ถึงไหนถึงกัน สู้ทุกอุปสรรค…BlueDiesel ที่มี Blue Booster สารเติมแต่งเกรด พรีเมียมชนิดใหม่ ที่ให้ค่าซีเทนสูงสุดถึง 68 ช่วยเพิ่มกำลังและแรงบิด ให้ ”พลัง…สู้ทุกทางชัน” เหมาะกับทั้งคู่ ที่ไม่หวั่นกับทุกปัญหา

โบ้ยถาม “กอล์ฟ” จีบรึเปล่า “นก” กลัวเสียหน้า

 

 

 

”นก-อุษณีย์” ป้อง ”กอล์ฟ-อนุวัฒน์” ไม่ได้เป็นเกย์ เผยภาพปาปาราซซี่เดินตลาดด้วยกัน รับสนิทกับดาราหนุ่มมานานแล้วแต่ความสัมพันธ์แค่เพื่อน โบ้ยถามฝ่ายชายเอาเองว่าจีบหรือเปล่า ยันโนรีเทิร์นอดีตหวานใจ ”วินนี่” แน่นอน

 

หลังจากที่ครองตัวเป็นสาวโสดมาได้พักใหญ่ ก็เลยทำให้ดาราสาวเซ็กซี่ ”นก” อุษณีย์ วัฒฐานะ ถูกจับตามองว่าจะมีหนุ่มคนไหนอาสาเข้ามาดามใจนั่นเอง แถมล่าสุดก็เพิ่งมีภาพปาปาราซซี่ของ ”สาวนก” เดินควงกับดาราหนุ่มน้องใหม่วิก

 

หมอชิตอย่าง ”กอล์ฟ” อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา ราวกับสนิทสนมกันอย่างมากอีกต่างหาก
 

โดยทันทีที่ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอ ”สาวนก-อุษณีย์” ที่มาร่วมงานเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลกชั่นใหม่ ”ไคร่า เซ็กซี่ ควีน บาย อั้ม-พัชราภา” ที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม จึงได้มีโอกาสสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาพปาปาราซซี่กับ ”หนุ่ม

 

กอล์ฟ” รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันเกินเพื่อน ซึ่งดาราสาวก็ได้ชี้แจงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าตนเองกับ ”กอล์ฟ” เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้นและรู้จักกันมาสักพักใหญ่แล้ว
 

”เป็นเพื่อนกันคุยกันมาตั้งนานแล้ว ถ่ายละครเรื่องเดียวกันค่ะ ที่มีภาพออกมาก็เห็นแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะไม่มีอะไรน่าเกลียดเป็นรูปที่เดินตลาดเฉยๆ คือเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง คือรู้จักกันมา

 

เป็นปีแล้วถ่ายละครด้วยกันมา 3 เรื่องติดแล้ว เลยเหมือนสนิทกันเป็นแก๊งเดียวกัน
 

ต่อข้อซักถามว่า ”กอล์ฟ” ถือว่าเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุด ณ ตอนนี้ไหม ดาราสาว ”นก-อุษณีย์” ก็ได้อมยิ้มก่อนจะกล่าวว่าตนเองไม่รู้ว่าอนาคตจะพัฒนาไปเป็นยังไง แต่ ณ ตอนนี้ยังแฮปปี้กับชีวิตโสดอยู่
 

 

”นกไม่ได้คิดว่ามันจะพัฒนาไปยังไง ก็ปล่อยไปเรื่อยๆ ถ้าเพื่อนก็เพื่อน แต่ถ้ายังคุยกันอยู่เรื่อยๆ วันข้างหน้าจะพัฒนายังไงค่อยว่ากัน ตอนนี้ทุกคนเป็นเพื่อนหมด นกแฮปปี้กับการใช้ชีวิตโสดอยู่ค่ะ ไม่ได้กลัวว่าจะต้องมีใครค่ะ แต่อยาก

 

เลือกให้ดีที่สุดมากกว่า ขอเวลาหน่อยละกันไม่ต้องรีบ”
 

เมื่อแย็บถามว่า ”กอล์ฟ” มาจีบหรือเปล่า ”นก” ก็ได้หัวเราะอย่างขำๆ ก่อนจะโบ้ยว่าให้ไปถามฝ่ายชายเอาเองดีกว่า เพราะตนเองก็ไม่กล้าบอกว่ายังไง
 

 

”ไปถามเค้าดีกว่ามั้ย เดี๋ยวบอกว่าจีบแล้วเค้าบอกไม่จีบทำไง” ส่วนประเด็นที่มีข่าวเม้าท์ว่า ”กอล์ฟ” เป็นเกย์นั้น ดาราสาว ”นก-อุษณีย์” ก็รีบปฏิเสธแทนทันทีว่าอาจจะเป็นเพราะบทบาทในละครมากกว่าจึงทำให้คนติดภาพเช่นนั้น
 

 

”สรุปว่าอย่างนั้นก็คงเป็นเพื่อนกัน…ไม่หรอกค่ะ เค้าเล่นละครรับบทเป็นเกย์ เราก็ยังล้อเค้าอยู่ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า ไม่ได้ไปยุ่งค่ะ แต่เท่าที่เห็นเค้าก็ทะโมนจะตาย เป็นผู้ชาย”
 

 

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงอดีตหวานใจ ”วินนี่” ว่ายังได้คุยและจะมีโอกาสรีเทิร์นหรือเปล่า ”นก” ก็รีบชี้แจงทันทีว่าตนกับอดีตหวานใจเป็นเพื่อนกันและไม่มีการรีเทิร์นอย่างแน่นอน
 

 

”เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้โกรธเกลียดกันเลย มีข่าวเยอะว่าเราจบไม่สวย เรายังมีความรู้สึกดีๆ คุยเป็นเพื่อนกันอยู่ค่ะ เมื่อวานก็ยังคุยปรึกษาเรื่องงานปกติ ถ้าถามว่าจะกลับไปคบกันเหมือนเดิมไหมก็คงไม่ค่ะ เป็นเพื่อนกันดีกว่าค่ะ” นกกล่าว